หลังจากประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับที่ดีจากสาขาราชเทวี ล่าสุดทาง B-Story Cafe คาเฟ่ที่มีการตกแต่งสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในบรรยากาศ European Style สุดคลาสสิก ซึ่งเต็มไปด้วยผลงานศิลปะ ของสะสม และเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้แนววินเทจที่ผ่านการคัดสรร ใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียดเป็นอย่างดีก็ได้มีการขยับขยายสาขาใหม่ให้เหล่า Cafe Hopper ทั้งหลายได้ตามไปทานอาหารอร่อย ๆ พร้อมถ่ายภาพสถาปัตยกรรมสวย ๆ ที่ถูกออกแบบมาราวกับอยู่ต่างประเทศ เพื่อเอาใจนักฮอปสายคาเฟ่ที่รักการถ่ายภาพโดยเฉพาะ
ครั้งนี้ B-Story ได้มีการออกแบบร้านใหม่ให้มีความกว้างขวางมากขึ้น และเติมเต็มความงดงามด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ยูโรเปียนสุดคลาสสิก แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของความหรูหราภายใต้ชื่อ B-Story Garden Cafe & Restaurants ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยเมนูอาหารและเครื่องดื่มมากมายให้บรรดานักชิมทั้งหลายได้เลือกทานกันอย่างจุใจ
Signature Mood of B-Story
ภายในร้านแบ่งโซนนั่งทานอาหารออกเป็น 2 ชั้น แต่ละชั้นถูกออกแบบให้มีความโปร่งโล่ง ด้วยเพดานทรงสูง พร้อมด้วยโต๊ะเก้าอี้แนววินเทจ ก่อนจะจัดวางโซนที่นั่งอย่างเป็นสัดส่วน บรรยากาศโดยรวมของทางร้านเต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปที่รับรองว่าต้องถูกใจสาว ๆ แน่นอน
สำหรับเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่อยากให้ได้ลิ้มลองนั้น เริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มสดชื่น ๆ ซึ่งเป็น Signature Menu ของทางร้านอย่าง ปั้นหมี B-Forest (145 บาท) ชาสตรอเบอร์รีที่ผสมผสานรสชาติเข้ากับน้ำมะม่วงหอมหวาน มาพร้อมผลไม้สด และท็อปด้านบนด้วยฟองนมรูปหมีน้อยสุดน่ารัก
ตามมาด้วยอาหารแนว Fusion ที่รวมเอาความเป็นไทยมาผสมผสานเข้ากับอาหารสัญชาติอื่นได้เป็นอย่างดี เช่น B-Ocean (390 บาท) ซีฟู้ดจานเด็ดเกรดพรีเมียมที่จัดเต็มความอร่อยด้วยวัตถุดิบชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นหมึก กุ้ง และหอยแมลงภู่ ที่คลุกเคล้ามากับซอสมะเขือเทศรสกลมกล่อม เสิร์ฟแบบกระทะร้อนฉ่าน่าทาน หรือจะเป็นเมนูเส้นอย่าง สปาเก็ตตี้ต้มยำ (350 บาท) สปาเก็ตตี้เส้นดำ ที่ราดด้วยซอสต้มยำรสชาติจัดจ้าน สูตรเฉพาะของทางร้าน เสิร์ฟเคียงมากับกุ้งตัวโตและท็อปด้านบนด้วยไข่กุ้ง
Fusion Food B-Story Garden
ส่วนใครที่ชอบทานอาหารไทย แนะนำให้ลองสั่งเมนู ฉู่ฉี่แซลมอน (290 บาท) น้ำฉู่ฉี่ร้อน ๆ ที่ราดลงบนแซลมอนชิ้นใหญ่ ได้รสชาติจัดจ้านแบบไทย ๆ ซึ่งเข้ากันดีกับรสหวานของเนื้อปลาแซลมอนที่สดใหม่ ยิ่งได้ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยอย่าบอกใคร
ปิดท้ายด้วยขนมหวานที่เรียกได้ว่าเป็นเมนูไฮไลต์ของทางร้านอย่าง Banoffee Cake (125 บาท) บานอฟฟี่เนื้อเนียนนุ่ม ที่เสิร์ฟมาในขวดโหลแสนน่ารัก ให้รสหวานละมุนกำลังดี จบมื้อพิเศษนี้ได้อย่างน่าประทับใจ
Banoffee Cake (125 บาท)
คาเฟ่กึ่งร้านอาหาร ร้านอยู่แถวถนนประดิษฐิ์มนูธรรม เรียบด่วน เอกมัย-รามอิทรา
ช่วงแยกตัดถนนลาดพร้าวมาถึงแยกเกษตรนวมินทร์ ถ้ามาจากแยกลาดพร้าวร้านจะเลยห้างเดอะคริสตัล เอกมัย-รามอินทรา มาประมาณ 1 กิโลนิดๆ ร้านจะอยู่ซ้ายมือ ให้ขับเลยร้านตรงมาก่อนแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยประดิษฐิ์มนูธรรม25 ตรงมาเรื่อยๆจะเจอร้านอยู่ซ้ายมือ ที่จอรถของร้านจะมี 2ที่ คือจอดชิดฟุตบาทโซนหน้าร้าน หรือ ลานดินจอดรถด้านซ้ายมือ – บริเวณหน้าร้านก่อนเข้าไปในร้านจะมีมุมถ่ายรูปแนวหิมะเมืองหนาวเยอะมากประมาณ 8-9 จุด
แต่ละจุดห่างกันพอที่จะหลบมุนคนอื่นถ่ายได้ มีทั้งมุมแบบนั่งแบบยืน ก่อนเข้าร้านจะต้องจองคิวโต๊ะโดยแจ้งชื่อและจำนวนคน ทางร้านจะมีเจ้าหน้าที่ประสานเรียกให้เข้ามาในร้านเมื่อถึงคิวในจุดนี้คนที่รอคิวต้องรอด้านอกร้านเท่านั้นคือง่ายๆเลยถ่ายรูปรอเข้าร้าน55 – ร้านมี3ชั้น ด้านในร้านตกแต่งร้านได้สวยมากเหมือนบ้านไม้เมืองหนาวต่างประเทศมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก แต่ต้องหาดีๆเพราะคนค่อนข้างเยอะ เพดานชั้นล่างสูงโปร่งสบายไม่อึดอัด โต๊ะทานอาหารตกแต่งสวยหรู มีทั้งโต๊ะยาวสำหรับจำนวนคนเยอะ 10+และมีโต๊ะแบบที่มาเป็นคู่รักด้วย
เมนูอาหารมีหลากหลายทั้งอาหารคาวและหวาน รวมถึงเครื่องดื่ม
ทีเด็ดอยู่ที่ขนมเค้ก รสชาติอร่อยไม่หวานมาก มีเอกลักษณ์ อาหารที่สั่งมากินชอบเมนูแกงเผ็ดเป็ดย่างอร่อยมากชอบเลย รวมถึง mac’n cheese อร่อยมันๆ เครื่องดื่มสั่งเป็น espresso เย็น(หวานน้อย) หอมกลมกล่อม ตอบท้ายด้วยเค้กสตอบอรี่ – สรุปโดยรวมค่อนข้างโอเค อาหารอร่อย ราคารับได้ บริการดี แต่ติดตรงคนค่อนข้างเยอะ และที่จอดรถไม่พอ (อาจจะเป็นเฉพาะวันหยุด)
แต่ชดเชยด้วยมุมถ่ายรูป 10/10 เลย แนะนำให้มาวันธรรมดาช่วงเย็นๆก็ได้ แดดร่มลมตกจะให้แสงในการถ่ายรูปหน้าร้านได้สวยมาก ถ้าคนมาเยอะแนะนำให้จองก่อน ถ้ามาน้อยน่าจะวอร์คอินได้